การเตรียมความพร้อมอวัยวะที่ใช้ในการพูด: Oral Motor Exercise - บทความแพทย์
อัพเดทล่าสุด: 9 ก.ค. 2025
109 ผู้เข้าชม
บทความโดย
อาจารย์ พรินทร์ สุวรรณัง
เวชศาสตร์การสื่อความหมาย
พัฒนาการมนุษย์ (พัฒนาการเด็ก)
เมื่อลูกน้อยอยู่ในวัยอ้อแอ้ เล่นเสียงสูง-ต่ำ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการอยากจะพูดสื่อสารของลูกน้อย การพัฒนาทักษะการพูดในเด็กต้องอาศัยการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อหลายส่วนในช่องปาก ได้แก่ ริมฝีปาก ลิ้น เพดานอ่อน และขากรรไกร การฝึกกล้ามเนื้อในช่องปาก (Oral Motor Exercise) เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และการควบคุมของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียง การเคี้ยว และการกลืน เด็กที่มีปัญหาด้านการพูด เช่น ออกเสียงไม่ชัด (articulation disorder) หรือมีความผิดปกติในการกลืน (dysphagia) อาจได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนกล้ามเนื้อในช่องปากเพื่อช่วยพัฒนาและปรับปรุงทักษะดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูดด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

วิธีการฝึกกล้ามเนื้อในช่องปากสำหรับเด็ก
1. การฝึกริมฝีปาก
การเป่าลม: ให้เด็กเป่าฟองสบู่ เป่าลูกโป่ง หรือเป่านกหวีด เพื่อฝึกการควบคุมลมหายใจและความแข็งแรงของริมฝีปาก
การดูด: ใช้หลอดดูดน้ำหรือดูดโยเกิร์ตเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อริมฝีปากและลิ้น
การยิ้มและจูบอากาศ: ให้เด็กยิ้มกว้างแล้วเม้มปากเป็นรูปจูบสลับกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของริมฝีปาก
2. การฝึกลิ้น
การแลบลิ้น: ให้เด็กแลบลิ้นออกมาแล้วพยายามแตะจมูกและคางสลับกัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของลิ้น
กระตุ้นความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ: สามารถใช้ผ้าก๊อซทำความสะอาดช่องปากแบบสวมนิ้วนวดบริเวณกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง เพื่อกระตุ้นระบบสัมผัสในช่องปาก และเพื่อความสะอาดของช่องปาก
การเลียริมฝีปาก: ให้เด็กใช้ลิ้นเลียรอบริมฝีปากทั้งบนและล่างเป็นวงกลม หรือใช้ผ้าก๊อซสะอาดแตะบริเวณริมฝีปากเพื่อให้เด็กยกลิ้นตาม
3. การฝึกขากรรไกร
การกัดและเคี้ยว: ให้เด็กเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียว เช่น หมากฝรั่ง หรือขนมปังแข็ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของขากรรไกร
การอ้าปากและเม้มปิดปาก: ให้เด็กอ้าปากกว้างค้างไว้สองสามวินาที แล้วเม้มปากช้า ๆ เพื่อฝึกการควบคุมขากรรไกร
4. การฝึกเพดานอ่อนและลำคอ
การออกเสียงพยัญชนะกลุ่ม K และ G: เช่น คะ กะ ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อเพดานอ่อน
การกลั้วคอ: ให้เด็กๆ ลองกลั้วคอด้วยน้ำเพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อบริเวณลำคอ

ประโยชน์ของการฝึก Oral Motor Exercise
อาจารย์ พรินทร์ สุวรรณัง
เวชศาสตร์การสื่อความหมาย
พัฒนาการมนุษย์ (พัฒนาการเด็ก)
เมื่อลูกน้อยอยู่ในวัยอ้อแอ้ เล่นเสียงสูง-ต่ำ นั่นเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการอยากจะพูดสื่อสารของลูกน้อย การพัฒนาทักษะการพูดในเด็กต้องอาศัยการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อหลายส่วนในช่องปาก ได้แก่ ริมฝีปาก ลิ้น เพดานอ่อน และขากรรไกร การฝึกกล้ามเนื้อในช่องปาก (Oral Motor Exercise) เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และการควบคุมของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียง การเคี้ยว และการกลืน เด็กที่มีปัญหาด้านการพูด เช่น ออกเสียงไม่ชัด (articulation disorder) หรือมีความผิดปกติในการกลืน (dysphagia) อาจได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนกล้ามเนื้อในช่องปากเพื่อช่วยพัฒนาและปรับปรุงทักษะดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูดด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

วิธีการฝึกกล้ามเนื้อในช่องปากสำหรับเด็ก
1. การฝึกริมฝีปาก
การเป่าลม: ให้เด็กเป่าฟองสบู่ เป่าลูกโป่ง หรือเป่านกหวีด เพื่อฝึกการควบคุมลมหายใจและความแข็งแรงของริมฝีปาก
การดูด: ใช้หลอดดูดน้ำหรือดูดโยเกิร์ตเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อริมฝีปากและลิ้น
การยิ้มและจูบอากาศ: ให้เด็กยิ้มกว้างแล้วเม้มปากเป็นรูปจูบสลับกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของริมฝีปาก
2. การฝึกลิ้น
การแลบลิ้น: ให้เด็กแลบลิ้นออกมาแล้วพยายามแตะจมูกและคางสลับกัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของลิ้น
กระตุ้นความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ: สามารถใช้ผ้าก๊อซทำความสะอาดช่องปากแบบสวมนิ้วนวดบริเวณกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง เพื่อกระตุ้นระบบสัมผัสในช่องปาก และเพื่อความสะอาดของช่องปาก
การเลียริมฝีปาก: ให้เด็กใช้ลิ้นเลียรอบริมฝีปากทั้งบนและล่างเป็นวงกลม หรือใช้ผ้าก๊อซสะอาดแตะบริเวณริมฝีปากเพื่อให้เด็กยกลิ้นตาม
3. การฝึกขากรรไกร
การกัดและเคี้ยว: ให้เด็กเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียว เช่น หมากฝรั่ง หรือขนมปังแข็ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของขากรรไกร
การอ้าปากและเม้มปิดปาก: ให้เด็กอ้าปากกว้างค้างไว้สองสามวินาที แล้วเม้มปากช้า ๆ เพื่อฝึกการควบคุมขากรรไกร
4. การฝึกเพดานอ่อนและลำคอ
การออกเสียงพยัญชนะกลุ่ม K และ G: เช่น คะ กะ ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อเพดานอ่อน
การกลั้วคอ: ให้เด็กๆ ลองกลั้วคอด้วยน้ำเพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อบริเวณลำคอ

ประโยชน์ของการฝึก Oral Motor Exercise
- ช่วยให้เด็กออกเสียงได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาการพูดไม่ชัด
- เพิ่มทักษะการควบคุมการกลืน ป้องกันปัญหาสำลักอาหารในเด็กที่มีความบกพร่องด้านกลืน
- เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในช่องปาก ทำให้เด็กสามารถเคี้ยวและกลืนอาหารได้ดีขึ้น
- ช่วยพัฒนาทักษะการใช้เสียงและลมหายใจ ส่งเสริมการออกเสียงที่ถูกต้องและเป็นธรรมชาติ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ฝึกลูก เลิกแพมเพิส (Toilet Training) เป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของพัฒนาการเด็กวัยเตาะแตะ (อายุ 1-3 ปี) โดยทั่วไป เด็กมักจะเริ่มมีความพร้อมในการฝึกเลิกผ้าอ้อมระหว่างอายุ 18–24 เดือน แต่เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการแตกต่างกัน พ่อแม่จึงควรสังเกตสัญญาณความพร้อมและไม่เร่งรัด เพราะ
21 ส.ค. 2025
เนื่องจากต่อมน้ำลายเริ่มทำงานมากขึ้น บางคนจะน้ำลายไหลออกมาจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม บริเวณลำคอ และหน้าอก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของพัฒนาการเด็ก แต่ถ้าไม่ได้ดูแลอย่างเหมาะสมก็อาจทำให้ผิวลูกน้อยระคายเคืองหรืออักเสบ
21 ส.ค. 2025
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า“หัวทุย” มีศีรษะที่สวยกลมได้รูป ซึ่งการดูแลศีรษะลูกน้อยในช่วงแรกเกิดจนถึงขวบปีแรกก็สำคัญ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่กะโหลกศีรษะของเด็กทารกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ หากดูแลไม่เหมาะสม อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ หัวแบน หรือแม้กระทั่ง หัวเบี้ยว ได้
6 ส.ค. 2025